เอกอัครราชทูต ณ กรุงโดฮา กล่าวถ้อยแถลงในนามประเทศไทย และให้การต้อนรับคณะผู้แทนไทย ในโอกาสเข้าร่วมการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต ครั้งที่ 11 (Conference of the States Parties to the UN Convention against Corruption – COSP11)

เอกอัครราชทูต ณ กรุงโดฮา กล่าวถ้อยแถลงในนามประเทศไทย และให้การต้อนรับคณะผู้แทนไทย ในโอกาสเข้าร่วมการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต ครั้งที่ 11 (Conference of the States Parties to the UN Convention against Corruption – COSP11)

วันที่นำเข้าข้อมูล 22 ธ.ค. 2568

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 22 ธ.ค. 2568

| 10 view
เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2568 นายศิระ สว่างศิลป์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงโดฮา กล่าวถ้อยแถลงในนามประเทศไทยในระหว่างการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต ครั้งที่ 11 (Conference of the States Parties to the UN Convention against Corruption – COSP11) ระหว่างวันที่ 15 - 19 ธ.ค. 2568 ณ กรุงโดฮา โดยย้ำการบทบาทและการดำเนินการของไทยในการต่อต้านการทุจริต การส่งเสริมความโปร่งใส การบังคับใช้กฎหมาย การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ และการบังคับใช้อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต

ต่อมา เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 2568 นายศิระ สว่างศิลป์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงโดฮา เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำและพบหารือข้อราชการกับนางสาวภัทรัตน์ หงษ์ทอง เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเวียนนา และผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติและองค์การระหว่างประเทศ ณ กรุงเวียนนา ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมระหว่างการประชุม COSP11 โดยสองฝ่ายแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางการส่งเสริมธรรมาภิบาลและการป้องกันการทุจริต รวมถึงการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศในการแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติที่ดีและข้อมูล และการบังคับใช้อนุสัญญาฯ อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ มีผู้แทนจากภาคส่วนต่าง ๆ กว่า 2,500 คนเข้าร่วมการประชุมฯ อาทิ ผู้แทนจาก 192 รัฐภาคีของอนุสัญญาฯ องค์กรระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ ผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อต้านการทุจริต ตลอดจนผู้แทนภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และเยาวชน

อนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการทุจริตแห่งสหประชาชาติ (United Nations Convention against Corruption) มุ่งส่งเสริมความร่วมมือของประชาคมระหว่างประเทศในการต่อต้านการทุจริตอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ อนุสัญญาฯ ให้ความสำคัญต่อมาตรการป้องกัน การบังคับใช้กฎหมาย และการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยประเทศไทยได้ลงนามและให้สัตยาบันเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาฯ เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2546 และวันที่ 1 มี.ค. 2554 ตามลำดับ

รูปภาพประกอบ

รูปภาพประกอบ