ด้วยระหว่างวันที่ 2 - 3 ตุลาคม 2567 นายศิระ สว่างศิลป์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงโดฮา ข้าราชการและเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตฯ ให้การต้อนรับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะผู้แทนไทยประกอบด้วยนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ คณะผู้บริหารระดับสูงและเจ้าหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงพาณิชย์ ในโอกาสเดินทางเยือนกาตาร์เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue - ACD) ครั้งที่ 3 ณ กรุงโดฮา รัฐกาตาร์

นายกรัฐมนตรีและคณะผู้แทนไทย เข้าร่วมการประชุมฯ ซึ่งมีผู้แทนจากประเทศสมาชิกรวม 35 ประเทศเข้าร่วม และได้หารือถึงการแสวงหาแนวทางในการรับมือความท้าทายและการแข่งขันเชิงภูมิรัฐศาสตร์ การส่งเสริมความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน การส่งเสริมบทบาทและการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน การพัฒนาสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเงินและการค้า การส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวและวัฒนธรรม ความร่วมมือด้านพลังงานและการบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานของระบบคมนาคมและดิจิทัล นอกจากนี้ ในปี 2568 ไทยจะเป็นประธาน ACD เป็นเวลา 1 ปี โดยไทยมุ่งหวังให้ ACD พัฒนาไปเป็นเวทีหารือของเอเชีย (Forum of Asia) โดยไทยจะทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อม (bridge builder) ประสานผลประโยชน์ของประเทศสมาชิกเพื่อส่งเสริมสันติภาพและความมั่งคั่งร่วมกัน ซึ่งประเทศไทยมีความมุ่งมั่นที่จะผลักดันความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรรม นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้พบหารือกับประธานาธิบดีอิหร่าน ประธานาธิบดีทาจิกิสถาน และมกุฎราชกุมารและรองเจ้าผู้ครองรัฐคูเวต ในช่วงคู่ขนานของการประชุมฯ

ในโอกาสดังกล่าว เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2567 นายกรัฐมนตรีได้เข้าเฝ้า H.H Sheikh Tamim bin Hamad Al-Thani เจ้าผู้ครองรัฐกาตาร์ฯ และพบหารือ H.E. Sheikh Mohammed bin Abdulrahman bin Jassim Al-Thani นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกาตาร์ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และเอกอัครราชทูต ณ กรุงโดฮา พร้อมด้วยผู้แทนระดับสูงของฝ่ายกาตาร์เข้าร่วม ทั้งนี้ สองฝ่ายแลกเปลี่ยนหารือแนวทางการกระชับความร่วมมือระหว่างไทยกับกาตาร์ในทุกมิติ โดยเฉพาะการส่งเสริมศักยภาพของไทยด้าน service based economy ที่กาตาร์ซึ่งเป็น knowledge based economy สามารถขยายความร่วมมือและเกื้อกูลระหว่างกันได้ อาทิ การค้าและการลงทุน การศึกษาและการแลกเปลี่ยนนักศึกษาระหว่างกัน ความพร้อมของไทยในการส่งเสริมความมั่นคงทางอาหารแก่กาตาร์และประเทศในภูมิภาค ความเป็นหุ้นส่วนทางเทคโนโลยี และการพัฒนา AI Application, Data Center/Intelligence เพื่อรองรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมการบิน อุตสาหกรรมการขนส่ง และอุตสาหกรรมห่วงโซ่

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้ขอบคุณฝ่ายกาตาร์ที่มีส่วนสำคัญในการไกล่เกลี่ยการปล่อยตัวประกันไทย และขอให้กาตาร์ช่วยสานต่อการเจรจาให้มีการปล่อยตัวคนไทยที่เหลืออยู่ โดยแสดงความห่วงกังวลต่อสถานการณ์ในภูมิภาคที่ส่งผลกระทบต่อพลเรือนผู้บริสุทธิ์ โดยย้ำการปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ และกฎบัตรสหประชาชาติ ซึ่งไทยพร้อมสนับสนุนกระบวนการเจรจาต่าง ๆ เพื่อให้เกิดสันติภาพอย่างยั่งยืนต่อไป

การเยือนดังกล่าวของนายกรัฐมนตรีและคณะผู้แทนไทยเป็นหมุดหมายสำคัญของประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกาตาร์ โดยเป็นการเยือนต่างประเทศของนายกรัฐมนตรีตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง และเป็นการเยือนกาตาร์ในระดับผู้นำครั้งแรกในรอบ 12 ปี อีกทั้งนายกรัฐมนตรียังเป็นผู้นำรัฐบาลสตรีเพียงเข้าคนเดียวและผู้นำรัฐบาลที่อายุน้อยที่สุดที่เข้าร่วมการประชุมดังกล่าว ซึ่งช่วยกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีไทยกับกาตาร์ และยกระดับความร่วมมือไทย-กาตาร์ในทุกมิติ และเป็นการวางรากฐานในการสานต่อความร่วมมือระหว่างกันในระยะยาวต่อไป ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ จะสานต่อข้อริเริ่มต่าง ๆ และขับเคลื่อนความร่วมมือระหว่างไทยกับกาตาร์ในทุกมิติเพื่อผลประโยชน์ของประเทศไทยและประชาชนไทยต่อไป